มรดกตกทอดที่นำมาซึ่งแรงบันดาลใจ

ประวัติความเป็นมาของการผลิตนาฬิกา

ความเชี่ยวชาญด้านการจับเวลา

จิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้ริเริ่มยังคงอยู่

เรื่องราวนับตั้งแต่เริ่มต้นของ Longines นั้นสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการบุกเบิก การค้นคว้าด้านความเที่ยงตรง และวิสัยทัศน์แห่งความสง่างามเหนือกาลเวลา ซึ่งทำให้ความเชี่ยวชาญด้านนาฬิกาและการจับเวลาของ Longines เป็นที่ปรารถนาของนักบุกเบิกที่มีชื่อเสียงและองค์กรด้านกีฬาจากทั่วโลก

เล่นวิดีโอ
เลื่อนเพื่อดำเนินการต่อ

จากธุรกิจครอบครัวสู่
แบรนด์ระดับสากล

image-bg
Legacy Father

Auguste Agassiz และ Ernest Francillon - ผู้ก่อตั้ง Longines

ออกุสต์ อากาซิส (Auguste Agassiz) (1809-1877) ได้ร่วมกับกลุ่มเพื่อนช่างทำนาฬิกาในปี 1832 เพื่อสร้างห้องปฏิบัติงานการผลิตนาฬิกาขึ้นที่หมู่บ้านในเมืองแซงต์-อิมิเยร์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในเวลานั้น ส่วนประกอบต่างๆ จะถูกผลิตขึ้นในบ้านของช่างทำนาฬิกา ก่อนที่จะนำมาประกอบเข้าด้วยกันที่ห้องปฏิบัติงาน

ในปี 1852 เออร์เนสต์ ฟรานซิลลอน (Ernest Francillon) หลานชายของเขาได้เข้ามาดูแลการดำเนินงานของห้องปฏิบัติงานการผลิต ด้วยความที่เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ เขาได้ตัดสินใจที่จะสร้างโรงงานขึ้น เขาไม่เพียงนำช่างฝีมือทั้งหมดที่มีความสามารถมาอยู่ร่วมเป็นสมาชิกในครอบครัวเดียวกันเท่านั้น แต่ยังได้สร้างระบบการผลิตที่ใช้เครื่องจักรเพื่อรับรองถึงคุณภาพและความเที่ยงตรงสูงสุดของนาฬิกา

โรงงาน Longines

โรงงานนี้ก่อสร้างขึ้นบนทุ่งหญ้าที่รู้จักกันในท้องถิ่นว่า "Es Longines" ฟรานซิลลอนตัดสินใจที่จะคงชื่อนี้ไว้เป็นชื่อบริษัทและสร้างแบรนด์ Longines ขึ้นมา

โรงงาน Longines เปิดดำเนินการในปี 1867 และประกอบกิจการอย่างต่อเนื่องในสถานที่เดิมตั้งแต่นั้นมา

ปี 1867
Legacy Factory

ปี 1867

Legacy Factory

ปี 1911

Legacy Factory

ปี 1966

Legacy Factory

วันนี้

เครื่องหมายการค้าที่เก่าแก่ที่สุดในอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกา

ฟรานซิลลอนได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ริเริ่มในการป้องกันการปลอมแปลงผลิตภัณฑ์ของเขา เขารับรองว่านาฬิกาทุกเรือนที่ออกจากโรงงานจะได้รับการสลักหมายเลขผลิตภัณฑ์ ชื่อการค้า Longines และสัญลักษณ์นาฬิกาทรายติดปีก

ทันทีที่กฎหมายคุ้มครองเครื่องหมายการค้าประเทศสวิตเซอร์แลนด์ถูกนำมาใช้ในปี 1880 ฟรานซิลลอนได้ทำการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของเขา ในปี 1889 เขามีโอกาสได้เสนอชื่อ Longines และนาฬิกาทรายติดปีกที่สำนักงานกลางทรัพย์สินทางปัญญา (OFPI) ที่ตั้งขึ้นใหม่ เมื่อสำนักงาน United International Bureaux แห่งใหม่ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) ก่อตั้งขึ้น เขาได้ขยายขอบเขตเครื่องหมายการค้าของเขาให้ครอบคลุมไปยังตลาดต่างประเทศ

logo1867
logo1874
logo1881
logo1882
logo1889
logo1905
logo1925
logo1930
logo1940
logo1942
logo1954
logo1957
logo1965
logo1974

ปัจจุบันนี้ Longines ยังคงเป็นแบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่ที่สุด โดยมีเครื่องหมายการค้าในระดับสากล ที่จดทะเบียนกับ WIPO

ก้าวสำคัญของการผลิตนาฬิกา
ปี 1878
ปี 1908
ปี 1911
ปี 1913
ปี 1925
ปี 1925
ปี 1928
ปี 1931
ปี 1936
ปี 1937
ปี 1942
ปี 1954
ปี 1957
ปี 1959
ปี 1959
ปี 1967
ปี 1969
ปี 1979
ปี 1992
ปี 1997
ปี 2005
ปี 2020
นาฬิกาพกที่เที่ยงตรงอย่างมากเรือนแรก
นาฬิกาพกที่เที่ยงตรงอย่างมากเรือนแรก

คาลิเบอร์ 20H เป็นกลไกรุ่นแรกที่ Longines ผลิตขึ้นซึ่งใช้ในการจับเวลาได้อย่างเที่ยงตรง นาฬิกาจับเวลาที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์นี้ติดตั้งอยู่ในตัวเรือนที่สลักภาพนักขี่ม้าแข่งและม้าคู่ใจบนสนามแข่งม้าของอเมริกาในทศวรรษ 1880

นาฬิกาพกเรือนแรกที่มีฟังก์ชั่นแสดงสอง 
 เขตเวลา
นาฬิกาพกเรือนแรกที่มีฟังก์ชั่นแสดงสอง เขตเวลา

นาฬิการุ่นนี้ประกอบด้วยเข็มนาทีและเข็มชั่วโมงสองอัน โดยได้รับการพัฒนาขึ้นสำหรับเมืองคอนสแตนติโนเปิล (ปัจจุบันคือประเทศตุรกี) เพื่อแปลงเวลาของตุรกีเป็นเวลาตะวันตก มีการจดสิทธิบัตรในปี 1911

หนึ่งในนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟรุ่นแรกของโลก
หนึ่งในนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟรุ่นแรกของโลก

นาฬิกาข้อมือโครโนกราฟรุ่นแรกๆ ที่ออกแบบมาสำหรับนักบินชาวรัสเซียเรือนนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ 19.73N ของ Longines

กลไกคาลิเบอร์ขนาดกะทัดรัดรุ่นแรก 
 สำหรับนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟ
กลไกคาลิเบอร์ขนาดกะทัดรัดรุ่นแรก สำหรับนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟ

คาลิเบอร์ 13.33Z ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 29 มม.นี้เป็นพิมพ์เขียวสำหรับกลไกโครโนกราฟยุคใหม่ เอมิเลีย แอร์ฮาร์ต (Amelia Earhart) นักบินชาวอเมริกันยุคบุกเบิกได้สวมนาฬิการุ่นเดียวกันนี้ในระหว่างการบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกสองครั้งในปี 1928 และ 1932

นาฬิกาข้อมือเรือนแรกที่มีฟังก์ชั่นแสดง
 เขตเวลาที่สอง
นาฬิกาข้อมือเรือนแรกที่มีฟังก์ชั่นแสดง เขตเวลาที่สอง

นาฬิการุ่นนี้ถูกใช้งานโดยผู้ควบคุมวิทยุบนเรือเพื่อแปลงเวลาท้องถิ่นเป็นเวลามาตรฐานโลก (UTC+0 หรือ Zulu Time) โดยใช้เข็มชั่วโมงที่เพิ่มขึ้นมา เครื่องหมายสีแดงทั้งสองแสดงถึงช่วงเวลาที่ไม่มีการติดต่อสื่อสารทางวิทยุซึ่งสงวนไว้สำหรับการโทรฉุกเฉิน

นาฬิกาข้อมือโครโนกราฟเรือนแรกที่มี
  ปุ่มกดแยกเป็นอิสระสองปุ่ม 
 และฟังก์ชั่นฟลายแบ็ก (flyback)
นาฬิกาข้อมือโครโนกราฟเรือนแรกที่มี ปุ่มกดแยกเป็นอิสระสองปุ่ม และฟังก์ชั่นฟลายแบ็ก (flyback)

กลไกฟลายแบ็กทำให้สามารถรีเซ็ตและเริ่มจับเวลาใหม่ที่ต่อเนื่องกันได้ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นหลักสำหรับนักบินในการวัดระยะการบินให้ได้อย่างแม่นยำและเพื่อเริ่มการวัดระยะใหม่ในขณะที่บินด้วยความเร็วสูง รุ่นในภาพถือกำเนิดในปี 1928

นาฬิกาล้ำสมัยสำหรับนักบินที่มาพร้อมหน้าปัดด้านในแบบหมุนได้
นาฬิกาล้ำสมัยสำหรับนักบินที่มาพร้อมหน้าปัดด้านในแบบหมุนได้

Longines ได้ออกแบบนาฬิกาชื่อ Weems Second Setting Watch ร่วมกับฟิลิป แวน ฮอร์น วีมส์ (Philip Van Horn Weems) (1889-1979) แห่งกองทัพเรือสหรัฐ เรือนเวลารุ่นนี้เป็นที่ต้องการของบรรดานักเดินเรือและนักบินจำนวนมาก เนื่องจากมีหน้าปัดด้านในแบบหมุนได้ ทำให้ผู้สวมใส่สามารถตั้งระบบนาฬิกาให้ทำงานพร้อมกับสัญญาณเวลาของวิทยุได้อย่างแม่นยำ ฟังก์ชั่นนี้เป็นหลักประกันเวลาที่เที่ยงตรง ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการนำทาง

นาฬิกาข้อมือเรือนแรกที่มี 
 ขอบหน้าปัดแกะสลักแบบหมุนได้
นาฬิกาข้อมือเรือนแรกที่มี ขอบหน้าปัดแกะสลักแบบหมุนได้

นาฬิการุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของนักบินชาร์ลส์ เอ. ลินด์เบิร์ก (Charles A. Lindbergh) ผู้ซึ่งเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกด้วยการบินแบบไม่หยุดพักในปี 1927 นาฬิกานี้มีชื่อว่า Lindbergh Hour Angle Watch ซึ่งนักบินใช้ร่วมกับเครื่องวัดระยะทางหาเส้นรุ้งและเส้นแวง ปฏิทินสำหรับใช้ในการเดินเรือ และมันช่วยให้นักบินสามารถคำนวณพิกัดภูมิศาสตร์จากตำแหน่งของดวงดาว

กลไกโครโนกราฟรุ่นแรกพร้อม
  ฟังก์ชั่นฟลายแบ็ก
กลไกโครโนกราฟรุ่นแรกพร้อม ฟังก์ชั่นฟลายแบ็ก

ที่ชื่อว่าคาลิเบอร์ 13ZN อันเป็นหนึ่งในกลไกโครโนกราฟที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงสุดในขณะนั้น Longines ได้ยื่นจดสิทธิบัตรกลไกฟลายแบ็กในปี 1935 และได้รับการรับรองในปี 1936

นาฬิกาโครโนกราฟที่กันน้ำได้อย่างแท้จริงเรือนแรก
นาฬิกาโครโนกราฟที่กันน้ำได้อย่างแท้จริงเรือนแรก

โครโนกราฟที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นนี้มีปุ่มกดรูปทรงเห็ดที่มีลักษณะเฉพาะเพื่อให้นาฬิกาสามารถกันน้ำได้ โดยมีการจดสิทธิบัตรในปี 1938

กลไกโครโนกราฟรุ่น 13ZN อันซับซ้อน
กลไกโครโนกราฟรุ่น 13ZN อันซับซ้อน

นี้มีชื่อว่าคาลิเบอร์ 13ZN12 โครโนกราฟรุ่นนี้แสดงการจับเวลา 60 นาทีด้วยเข็มนาฬิกาสีแดงขนาดใหญ่ตรงกลาง ซึ่งอ่านเวลาได้ง่ายกว่าหน้าปัดย่อยที่ใช้กันทั่วไป โดยหน้าปัดเสริมทางด้านขวาจะทำหน้าที่เป็นตัวนับ 12 ชั่วโมงแทน

เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตระกูลแรกของ 
 Longines
เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตระกูลแรกของ Longines

คอลเลคชั่น Conquest ถือเป็นก้าวแรกของ กลยุทธ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ อันได้แก่ การแนะนำตระกูลผลิตภัณฑ์ Conquest ได้รับการจดทะเบียนในประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันที่ 3 เมษายน 1954 และเป็นตระกูลของผลิตภัณฑ์ตระกูลแรกที่ถือกำเนิดขึ้น

เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตระกูลที่สอง
 ของ Longines
เปิดตัวผลิตภัณฑ์ตระกูลที่สอง ของ Longines

คอลเลคชั่นเรือธงอันหรูหรานี้มีเหรียญที่โดดเด่นสลักรูปเรือบนด้านหลังตัวเรือน

นาฬิกาสำหรับนักดำน้ำซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ไอคอนิคนี้มาพร้อม 
 แผ่นจานภายในที่หมุนได้
นาฬิกาสำหรับนักดำน้ำซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ไอคอนิคนี้มาพร้อม แผ่นจานภายในที่หมุนได้

นาฬิการุ่นนี้ ปัจจุบันเรียกว่า Legend Diver สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 120 ม. ประกอบด้วยแผ่นจานภายในหมุนได้สองทิศทางซึ่งควบคุมโดยเม็ดมะยมอันที่สอง แผ่นจานที่ประกอบอยู่ภายในนี้เพื่อปกป้องตัวเรือนจากแรงกดอากาศใต้น้ำ

นาฬิกาข้อมือความถี่สูงเรือนแรกของโลก
นาฬิกาข้อมือความถี่สูงเรือนแรกของโลก

กลไกคาลิเบอร์ 360 ที่มีอัตราการกวัดแกว่ง 36,000 ครั้งต่อชั่วโมงนี้ได้รับรางวัลที่ 1 และที่ 2 ในการแข่งขันนาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงสูงสุด ซึ่งจัดขึ้นที่หอสังเกตการณ์เนอชาแตลในปี 1961

นาฬิกาข้อมือที่มีความเที่ยงตรงสูงสุดนี้สั่นด้วยกลไกความถี่สูง
นาฬิกาข้อมือที่มีความเที่ยงตรงสูงสุดนี้สั่นด้วยกลไกความถี่สูง

ที่เรียกว่า Ultra-Chron ซึ่งมีความเที่ยงตรงกว่าโครโนมิเตอร์ นาฬิกาความถี่สูงรุ่นนี้รับประกันความคลาดเคลื่อนที่ "หนึ่งนาทีต่อเดือน" หรือสองวินาทีต่อวัน โดยมีอัตราการกวัดแกว่ง 36,000 ครั้งต่อชั่วโมงที่เกิดจากคาลิเบอร์ 360

นาฬิกาข้อมือควบคุมด้วยระบบควอตซ์เรือนแรก
นาฬิกาข้อมือควบคุมด้วยระบบควอตซ์เรือนแรก

ที่เรียกว่า Ultra-Quartz นี้มีความเที่ยงตรงกว่านาฬิกาข้อมือทุกรุ่นที่ผลิตขึ้น โดย Longines ได้พัฒนากลไกระบบควอตซ์ของเราเองสำหรับนาฬิการุ่นนี้

นาฬิกาเรือนแรกที่ทำลายสถิติ 
 ความหนาไม่ถึง 2 มม.
นาฬิกาเรือนแรกที่ทำลายสถิติ ความหนาไม่ถึง 2 มม.

นาฬิการะบบควอตซ์ที่เรียกว่า Feuille d'Or ("ทองคำเปลว") นี้มีความหนาเพียง 1.98 มม. ซึ่งนับเป็นความสำเร็จทางเทคโนโลยีที่น่าทึ่ง

เรือนเวลาไอคอนิคที่หรูหราและเพรียวบางนี้ 
 มีขานาฬิกาอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
เรือนเวลาไอคอนิคที่หรูหราและเพรียวบางนี้ มีขานาฬิกาอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์

นาฬิการุ่นนี้มีชื่อว่า La Grande Classique de Longines ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามสุดคลาสสิกและความหรูหราอันทรงคุณค่าตลอดกาลของ Longines

เรือนเวลาไอคอนิคทรงสี่เหลี่ยม
เรือนเวลาไอคอนิคทรงสี่เหลี่ยม

รุ่นนี้มีชื่อว่า Longines DolceVita เป็นนาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรุ่นที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าในช่วงปี 1920 กลุ่มผลิตภัณฑ์นี้เปรียบดั่งการนำเสนอบทกวีแห่ง “ชีวิตอันแสนหวาน (Dolce Vita)” ของชาวอิตาลี

การรำลึกถึงเรือนเวลา 
 แห่งวิถีดั้งเดิมของ Longines
การรำลึกถึงเรือนเวลา แห่งวิถีดั้งเดิมของ Longines

คอลเลคชั่น Longines Master นี้ประกอบด้วยนาฬิกาที่มาพร้อมกลไกการทำงานแบบจักรกลทั้งหมด

การรำลึกถึงมรดกตกทอดในยุคบุกเบิก 
 ทางการบินของ Longines
การรำลึกถึงมรดกตกทอดในยุคบุกเบิก ทางการบินของ Longines

คอลเลคชั่นที่มีชื่อว่า Longines Spirit นี้ได้รับการออกแบบในลักษณะเดียวกับเรือนเวลาของนักบินรุ่นบุกเบิกที่ไว้วางใจให้ Longines สานความสำเร็จของพวกเขาให้เป็นจริง

ลากเพื่อชมเพิ่มเติม
ปี 1878
ปี 2020
ก้าวสำคัญด้านการจับเวลาของ Longines
ปี 1912
ปี 1914
ปี 1916
ปี 1945
ปี 1949
ปี 1953
ปี 1956
ปี 1956
ปี 2010
ครั้งแรกของระบบการจับเวลาการแข่งขันกีฬาด้วยไฟฟ้าเครื่องกลสำหรับจุดสตาร์ทและ
  เส้นชัย
ครั้งแรกของระบบการจับเวลาการแข่งขันกีฬาด้วยไฟฟ้าเครื่องกลสำหรับจุดสตาร์ทและ เส้นชัย

อุปกรณ์นี้เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเทศกาลยิมนาสติกแห่งชาติที่เมืองบาเซิล เมื่อนักกีฬาวิ่งตัดสายโลหะ อุปกรณ์จะเริ่มจับเวลาหรือหยุดเวลาของนาฬิกาตามลำดับ

นาฬิกาจับเวลาเรือนแรกที่มีกลไกการทำงานความถี่สูงและอัตราการสั่น 36,000 ครั้งต่อชั่วโมง
นาฬิกาจับเวลาเรือนแรกที่มีกลไกการทำงานความถี่สูงและอัตราการสั่น 36,000 ครั้งต่อชั่วโมง

ใช้เพื่อจับเวลา 1 ใน 10 ส่วนของวินาที

นาฬิกาจับเวลาเรือนแรกที่มีกลไกการทำงานความถี่สูงและอัตราการสั่น 360,000 ครั้งต่อชั่วโมง
นาฬิกาจับเวลาเรือนแรกที่มีกลไกการทำงานความถี่สูงและอัตราการสั่น 360,000 ครั้งต่อชั่วโมง

ใช้เพื่อจับเวลา 1 ใน 100 ส่วนของวินาที

อุปกรณ์สกัดกั้นลำแสงด้วยวงจรไฟฟ้าพลังแสง
อุปกรณ์สกัดกั้นลำแสงด้วยวงจรไฟฟ้าพลังแสง

หลังการเผยแพร่บทความในปี 1937 Longines ได้ใช้อุปกรณ์นี้สำหรับการแข่งขันสกีที่มอนตานา โดยแทนที่ระบบตัดสายโลหะด้วยการสกัดกั้นลำแสงเพื่อทำให้ปุ่มโครโนกราฟทำงานหรือหยุดการทำงาน

อุปกรณ์จับเวลาระบบออโตเมติกเต็มรูปแบบที่ประกอบอยู่ในนาฬิกาควอตซ์สำหรับจับเวลาการแข่งขันกีฬาเรือนแรกของ Longines
อุปกรณ์จับเวลาระบบออโตเมติกเต็มรูปแบบที่ประกอบอยู่ในนาฬิกาควอตซ์สำหรับจับเวลาการแข่งขันกีฬาเรือนแรกของ Longines

อุปกรณ์ความเที่ยงตรงสูงที่เรียกว่า Chronocaméra นี้จะตอบสนองต่อสัญญาณโดยทันทีและให้เวลาถ่ายภาพใน 4 วินาที โดยจะบันทึกลำดับ จำนวนการออกตัว การเข้าเส้นชัย ตลอดจนบอกเวลาเป็นชั่วโมง นาที วินาที และหนึ่งส่วนร้อยของวินาที

ระบบล้ำสมัยที่ทำงานร่วมกับนาฬิกาควอตซ์เพื่อจับเวลาการแข่งขันกีฬาที่เส้นชัย
ระบบล้ำสมัยที่ทำงานร่วมกับนาฬิกาควอตซ์เพื่อจับเวลาการแข่งขันกีฬาที่เส้นชัย

ระบบที่มีชื่อว่า Longines Chronocinégines นี้ประกอบด้วยกล้องขนาด 16 มม. ที่ทำงานร่วมกับนาฬิกาควอตซ์ อุปกรณ์ที่ล้ำสมัยนี้จะจับภาพนักกีฬาที่เข้าเส้นชัยในทุกหนึ่งส่วนร้อยของวินาทีให้กับผู้ตัดสิน อุปกรณ์นี้มีประโยชน์มากเพราะจะเป็นหลักฐานว่าใครผ่านเข้าเส้นชัยก่อน

กระบวนการซึ่งปฏิวัติวงการบันทึกภาพถาวรที่ทำงานร่วมกับนาฬิกาควอตซ์เพื่อจับเวลาที่เส้นชัย
กระบวนการซึ่งปฏิวัติวงการบันทึกภาพถาวรที่ทำงานร่วมกับนาฬิกาควอตซ์เพื่อจับเวลาที่เส้นชัย

อุปกรณ์ที่เรียกว่า Contifort นี้จะพิมพ์ตำแหน่งของนักกีฬาตามเวลาและระยะห่างที่เส้นชัย โดยแสดงภาพภายในเวลาเท่ากับหนึ่งส่วนร้อยของวินาที

อุปกรณ์ระบบควอตซ์โครโนกราฟพร้อมพรินเตอร์ช่องคู่
อุปกรณ์ระบบควอตซ์โครโนกราฟพร้อมพรินเตอร์ช่องคู่

อุปกรณ์ความเที่ยงตรงสูงที่เรียกว่า Chronotypogines นี้สามารถบันทึกเวลาบนแผ่นกระดาษ เป็นชั่วโมง นาที วินาที หนึ่งส่วนสิบ และหนึ่งส่วนร้อยของวินาที ไปจนถึงหนึ่งส่วนพันของวินาทีหากต้องการ อุปกรณ์ดังกล่าวผ่านการรับรองจากหอสังเกตการณ์เนอชาแตล และใช้จับเวลาในการแข่งขันรวมถึงการบันทึกสถิติความเร็วของโลก

อุปกรณ์จับเวลาที่มีความเที่ยงตรงสูงถึงหนึ่งส่วนล้านของวินาที
อุปกรณ์จับเวลาที่มีความเที่ยงตรงสูงถึงหนึ่งส่วนล้านของวินาที

อุปกรณ์ที่เรียกว่า Quantum Timer นี้เป็นแหล่งอ้างอิงใหม่ล่าสุดในการจับเวลาการแข่งขันกีฬา

ลากเพื่อชมเพิ่มเติม
ปี 1912
ปี 2010

arrow-right

การจับเวลาการแข่งขันกีฬาขี่ม้า

ปี 1912 - ปัจจุบัน

ตั้งแต่วันเริ่มก่อตั้งจวบจนปัจจุบัน Longines มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโลกของม้าเสมอมา อันที่จริงกลไกโครโนกราฟตัวแรกของ Longines ในปี 1878 อยู่ในตัวเรือนที่สลักรูปจ็อกกี้และม้าของเขา นาฬิกาจับเวลาเหล่านี้ปรากฏโฉมบนสนามแข่งของสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1880 และพิสูจน์ให้เห็นถึงความนิยมอย่างกว้างขวางในหมู่จ็อกกี้และผู้รักม้า

watch

ในปี 1912 Longines ได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมืออย่างเป็นทางการครั้งแรกกับการแข่งขันขี่ม้ากระโดดข้ามเครื่องกีดขวางที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ในศตวรรษต่อมา การแข่งขันขี่ม้าที่จัดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนก็ได้รับการสนับสนุนจากอุปกรณ์จับเวลาที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือของ Longines

photographer
horse

Longines ได้ทำหน้าที่ผู้จับเวลาและนาฬิกาอย่างเป็นทางการให้กับสหพันธ์กีฬาขี่ม้านานาชาติ (FEI) ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา

การจับเวลาการแข่งขันสกีอัลไพน์

ปี 1924 - ปัจจุบัน

การเล่นสกีลงจากเทือกเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะเป็นหนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศบ้านเกิดของ Longines อย่างสวิตเซอร์แลนด์ ในปี 1924 แบรนด์เป็นผู้จับเวลาการแข่งขันสกีครั้งแรกในสวิตเซอร์แลนด์ หลายปีต่อมานาฬิกาจับเวลาจากแซงต์-อิมิเยร์ได้เป็นผู้จับเวลาการแข่งขันสกีชิงแชมป์โลกในเมืองชาโมนิกซ์ ประเทศฝรั่งเศส

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Longines ได้พัฒนาอุปกรณ์ที่เป็นนวัตกรรมสำคัญเพื่อตอบสนองความต้องการแบบเฉพาะในการแข่งขันสกีอัลไพน์ เช่น นาฬิกาจับเวลาการแข่งขันสกีแบบเสี้ยววินาทีความถี่สูง (ปี 1939) ระบบเข้าออกควบคุมด้วยไฟฟ้า (ปี 1950) และอุปกรณ์ที่ช่วยให้สามารถแสดงผลการแข่งขันกีฬาบนหน้าจอโทรทัศน์ทั่วโลกโดยตรง (ปี 1971)

skier
skier-mobile

ตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา Longines ทำหน้าที่ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการและผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของสหพันธ์สกีนานาชาติ (FIS) โดยแบรนด์ยังคงทำหน้าที่จับเวลาการแข่งขัน Alpine Ski World Cup และ World Championships มาอย่างต่อเนื่อง

การจับเวลาการแข่งขันฟอร์มูลาวัน

ปี 1933 - 1992

ในปี 1949 Longines เปิดตัว Chronocaméra อุปกรณ์ระบบออโตเมติกเต็มรูปแบบที่แสดงเวลาบันทึกภาพและสามารถจับเวลาได้ถึงหนึ่งส่วนร้อยของวินาที ผลงานอันโดดเด่นดังกล่าวทำให้สหพันธ์รถยนต์นานาชาติให้การรับรองในปี 1950

ในปีเดียวกัน Longines ได้จับเวลาการแข่งขันฟอร์มูลาวันซึ่งเป็นฤดูกาลแรกของการแข่งขัน Grand Prix de Monaco อันเลื่องชื่อ Longines เคยทำหน้าที่ผู้จับเวลาการแข่งรถมาแล้วในช่วงทศวรรษที่ 1930 แต่ขณะนั้นยังเรียกว่า "กรังด์ปรีซ์" เนื่องจากยังไม่มีฟอร์มูลาวัน

formula
car

ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 Longines ได้พัฒนาอุปกรณ์จับเวลาแบบใหม่เพื่อติดตามผู้แข่งขันเป็นรายบุคคล และเป็นวิธีการที่สหพันธ์รถยนต์นานาชาติได้นำมาใช้ในเวลาต่อมา ซึ่งส่งผลให้ Longines กลายเป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการในการแข่งขันฟอร์มูลาวันทุกรายการระหว่างปี 1982-1992

commentator

การจับเวลาการแข่งขันรถทางไกล

ปี 1949 - 1985

ในเดือนมกราคม ปี 1949 รถแข่งจากทั่วยุโรปเข้าร่วมการแข่งขันรถทางไกลมอนติ-คาร์โลแรลลีหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 Longines ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จับเวลา อันเป็นสถานะที่สืบต่อมากว่า 30 ปี

ในปี 1955 แบรนด์จากแซงต์-อิมิเยร์เปิดตัวเครื่องพิมพ์ระบบตอกรุ่นพิเศษชื่อว่า Printogines อุปกรณ์ตัวนี้มาพร้อมนาฬิกาที่สำรองพลังงานได้นานถึง 8 วัน ช่วยให้ผู้เข้าแข่งขันตอกบัตรควบคุมของตนเองในแต่ละจุดตรวจสอบได้ตลอดระยะทางกว่า 5,000 กม. อุปกรณ์ที่น่าเชื่อถือและมีความทนทานเครื่องนี้สามารถแสดงเวลาเข้าเส้นชัยอย่างเป็นทางการตามบันทึกเวลาการผ่านจุดตรวจสอบทั้งหมดของผู้ขับขี่ ซึ่งได้สร้างความพึงพอใจเป็นอย่างมากจนได้รับเลือกให้เป็นอุปกรณ์จับเวลาการแข่งขันรถทางไกลทุกรายการในสมัยนั้น

rallye
rallyeStart

Longines ทำหน้าที่จับเวลาการแข่งขันรถทางไกลที่จัดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 1985 ซึ่งรวมถึงรายการ Coupe des Alpes รายการ RAC Rally ของสหราชอาณาจักร รายการ TAP Rally ในโปรตุเกส รายการ Thousand Lakes ในฟินแลนด์ รายการ Rallye Acropolis ในกรีซ และรายการ Rallye de Côte d’Ivoire ในแอฟริกา

การจับเวลาการแข่งขันจักรยาน

ปี 1951 - 1987

ในปี 1951 Longines ได้รับเชิญให้เป็นผู้จับเวลาการแข่งขันจักรยานชั้นนำของโลกอย่าง Tour de France

bycicle race

ในปีเดียวกัน Longines ได้จับเวลาการแข่งขันฟอร์มูลาวันซึ่งเป็นฤดูกาลแรกของการแข่งขัน Grand Prix de Monaco อันเลื่องชื่อ Longines เคยทำหน้าที่ผู้จับเวลาการแข่งรถมาแล้วในช่วงทศวรรษที่ 1930 แต่ขณะนั้นยังเรียกว่า "กรังด์ปรีซ์" เนื่องจากยังไม่มีฟอร์มูลาวัน

ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 Longines ได้พัฒนาอุปกรณ์จับเวลาแบบใหม่เพื่อติดตามผู้แข่งขันเป็นรายบุคคล และเป็นวิธีการที่สหพันธ์รถยนต์นานาชาติได้นำมาใช้ในเวลาต่อมา ซึ่งส่งผลให้ Longines กลายเป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการในการแข่งขันฟอร์มูลาวันทุกรายการระหว่างปี 1982-1992

chrono

Longines ได้ทำหน้าที่ผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขันจักรยานระดับตำนานนี้มากว่า 35 ปี

การจับเวลาการแข่งขันกีฬาเครือจักรภพ

ปี 1962 - ปัจจุบัน

Longines ยังเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการและทำหน้าที่ผู้จับเวลาในการแข่งขันกีฬาเครือจักรภพตั้งแต่ปี 1962 เป็นต้นมาอีกด้วย ในการแข่งขันแต่ละครั้ง อุปกรณ์จับเวลา ผู้ทำคะแนน ผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬา และผู้ดูแลข้อมูลของ Longines ต่างใช้ทักษะและอุปกรณ์ของตนให้เกิดประโยชน์แก่สหพันธ์กีฬาและนักกีฬาผู้มีพรสวรรค์ทั่วเครือจักรภพ ทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกว่า 200 ท่านได้มีส่วนร่วมในการจับเวลาสำหรับรายการแข่งขันปี 2022

swim
running rowing

ความร่วมมือดังกล่าวเน้นให้เห็นถึงความชาญฉลาดและความเที่ยงตรงของอุปกรณ์จับเวลาของ Longines

กลับไปด้านบน

ไปยัง
ส่วนถัดไป
timekeeping
ส่วนถัดไป
legacy